วันพุธที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2561

รูปแบบการชุบงานเครื่องประดับ

รูปแบบการชุบ   

         รูปแบบการชุบเคลือบผิวสำหรับเครื่องประดับมีหลายวิธีให้เลือก จะใช้รูปแบบใดขึ้นอยู่กับลักษณะของชิ้นงานที่นำมาชุบการเลือกรูปแบบการชุบที่เหมาะสมจะทำให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เกิดความเสียหายของชิ้นงานน้อย อย่างไรก็ตามนอกจากการเลือกรูปแบบการชุบที่เหมาะสมแล้ว การเอาใจใส่ในระหว่างการชุบก็เป็นการช่วยลดความเสียหายของชิ้นงานได้อีกทางหนึ่ง รูปแบบการชุบเคลือบผิวที่นิยมใช้ในการชุบเครื่องประดับ  ได้แก่
         1. การชุบแบบแขวน (Rack Application)
             การชุบเคลือบผิวแบบแขวน เป็นวิธีที่ใช้มากที่สุดในการชุบเครื่องประดับ ลักษณะของชิ้นงานต้องสามารถแขวนด้วยตะขอของจิก (Jig) หรือ สามารถผูกกับลวดทองแดงแล้วนำมาผูกกับจิกในการชุบได้ ในการชุบแบบแขวนนี้ จะแช่ จิกที่มีชิ้นงานในน้ำยาชุบ โดยจิกต่ออยู่กับขั้วลบของอุปกรณ์ จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง





               2. การชุบแบบถังหมุน (Barrel Application)
                      การชุบรูปแบบนี้ ใช้สำหรับชิ้นงานที่มีขนาดเล็ก ที่ ผูกด้วยลวดหรือแขวนตะขอสำหรับชุบแบบแขวนทำได้ลำบาก การชุบแบบนี้ทำได้โดยนำชิ้นงานใส่ ในถังพลาสติกในจำนวนพอเหมาะประมาณ หนึ่งในสาม ถึง หนึ่งในสองของปริมาตรถัง มีขั้วลบติดที่ถังซึ่งจะสัมผัสกับชิ้นงาน และชิ้นงานสัมผัสกันเองขณะที่ชุบถังจะหมุนไปด้วยทำให้ชิ้นงานเกิดการคละเคล้ากัน 
                       การชุบแบบนี้ มีข้อดี คือ ไม่ต้องเสียเวลาผูกชิ้นงานด้วยลวดหรือแขวนตะขอ และสามารถชุบได้ปริมาณมาก แต่ก็มีข้อจำกัด คือ หากชิ้นงานเคลื่อนที่ได้ไม่อิสระจะทำให้ชิ้นงานพันกันหรือเกิดการบิดงอทำให้ชิ้นงานเสียหาย หากชิ้นงานมีลักษณะแบนอาจทำให้ชิ้นงานดูดติดกันได้เมื่อสัมผัสน้ำยาชุบ ทำให้การชุบไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมาเหมาะกับการชุบชิ้นงานที่ผ่านการขัดเงามาอย่างดี เพราะในขณะชุบชิ้นงานเกิดการ เสียดสี และกระแทกกัน ทำให้เกิดรอยขูดขีดกันเองได้
                3. การชุบแบบแต้มปากกา ( Pen Plating)
                     การชุบแบบแต้มด้วยปากกา เหมาะสำหรับการชุบบนผิวเฉพาะที่หรือบริเวณที่มีพื้นที่ผิวไม่มาก เช่น เตยของแหวน หรือต้องการชุบผิวเคลือบมากกว่าหนึ่งสี การใช้งานง่ายและสะดวกกว่าการชุบแบบแขวน ซึ่งต้องทาปิดผิวบริเวณที่ไม่ต้องการชุบด้วยแลกเกอร์แต่การชุบแบบแต้มด้วยปากกามีข้อจำกัดคือไม่สารถชุบเคลือบผิวหนาได้ ชิ้นงานที่จะนำมาชุบด้วยวิธีนี้ต้องทำความสะอาดผิวแล้วเป่าให้ผิวแห้งก่อนจึงจะนำมาชุบหากยังมีน้ำอยู่ที่ผิวชิ้นงานน้ำจะไปเจือจางน้ำยาชุบ และยังทำให้ยากต่อการควบคุมบริเวณที่ต้องการชุบหลังจากชุบเสร็จล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนทำให้แห้ง


                  4. การชุบแบบใช้เครื่องสั่น (Vibratory Plating)                   
                        เป็นการชุบโดยอาศัยการสร้างแรงสั่นสะเทือนส่งผ่านปล่องในตะกร้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะแรงสั่นสะเทือนนี้ทำให้ชิ้นงานเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอรอบ ๆ แกนของตะกร้าที่แช่อยู่ในน้ำยาชุบเกิดการแลกเปลี่ยนประจุบริเวณด้านล่างของตะกร้า ทำให้เกิดการชุบเคลือบผิวอย่างสม่ำเสมอ การชุบแบบนี้ มีข้อดี คือ ชิ้นงานไม่เกิดการเสียหายแม้เป็นชิ้นงานที่บอบบาง การสูญเสียของน้ำยาชุบที่ติดไปกับชิ้นงานต่างๆ สามารถชุบเข้าซอกได้ดี สามารถชุบชิ้นงานแบนราบที่อาจติดกันได้
                     5.  การชุบแบบเครื่องชุบสร้อย (Chain Plating Equipment)                   
                          เป็นการชุบสร้อยด้วยเครื่องที่มีการออกแบบเฉพาะ การใช้งานเครื่องทำได้โดยแขวนสร้อยบนล้อสแตนเลสที่ต่ออยู่กับขั้วลบของอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้ากระแสตรง ขณะล้อหมุนสร้อยบางส่วนจะจุ่มและแช่อยู่ในน้ำยาชุบ และขณะชุบสร้อยจะเคลื่อนที่ตามล้อตลอดเวลาชุบ ทำให้ลดปัญหาจากการเคลื่อนตัวของสร้อยยากหลังจากการชุบ นอกจากนี้ยังให้ความหนาของผิวเคลือบสม่ำเสมอกว่าการชุบแบบแขวนธรรมดา

      5 วิธีการชุบงานเครื่องประดับที่ได้กล่าวมานี้ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อท่านที่กำลังสนใจในงานชุบบ้าง ไม่มากก็น้อย หากท่านใดสนใจงานชุบ น้ำยาชุบ อุปกรณ์ด้านการชุบก็ดี ท่านสามารถสอบถามข้อมูลกับเราได้หลายช่องทางดังนี้

        Line : zerosolution
        Tel : 02 6356426, 02 6356433
        E-mail : info@intellichems.com
        www.intellichems.com


ขอบคุณบทความดีดีจาก:
- คุณกาญจนา เผดิมผล  (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม)
- คุณสมชาย มนัสเกียรติกุล    ( บริษัท ยูมคอร์ พรีเชียส เมทัลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด)









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น